ประเพณีไทย - ประเพณีประจำปีของชาวเหนือ
สำหรับหัวข้อความรู้เกี่ยวกับ
ประเพณีไทย ที่จะมานำเสนอกันในวันนี้ คือ
ประเพณีประจำปีของชาวเหนือ เริ่มกันเลยดีกว่าครับ
ชีวิตของชาวเหนือมักจะนิยมนับวันเริ่มต้นชีวิตตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่หรือที่เรียกว่า
"ตรุษสงกรานต์" คือ นับตั้งแต่เดือน 7 เหนือ (เดือน 5 ใต้) เป็นเดือนแรก
หรือเดือนที่ 1 ในการดำเนินชีวิต แล้วหมุนเวียนเปลี่ยนไปจนกลับมาบรรจบครบรอบ 12
เดือน เรียกว่า ปีหนึ่ง เป็นเช่นนี้ตลอดมา ชีวิตประจำวันตลอดจนประเพณีการทำบุญ
ก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามจักรราศี เมื่อประมวลแล้ว มีดังนี้
- เดือน 7 เหนือ (เดือน 5 ใต้ ตรงกับเดือนเมษายน) เดือนนี้มีประเพณีการเล่นสงกรานต์ ประเพณีดำหัว - ปอย บวชลูกแก้ว (บวชเณร) - ขึ้นเรือนใหม่ - เลี้ยงผีปู่ย่า
- เดือน 8 เหนือ (เดือน 6 ใต้ ตรงกับเดือนพฤษภาคม) มีปอยบวชเณร - ปอยหลวง (งานสมโภชทานวิหาร โบสต์ กำแพง ฯลฯ) ขึ้นบ้านใหม่ - แต่งงาน - วิสาขะบูชา - ไหว้พระธาตุ
- เดือน 9 เหนือ (เดือน 7 ใต้ ตรงกับเดือนมิถุนายน) เดือนนี้อากาศมักร้อนจัด มีคำพังเพยว่า "เดือนเก้า หมาเฒ่านอนน้ำ" หมายถึงอากาศร้อนจัด จนสุนัขแก่ๆ ต้องไปนอนในน้ำ เดือนนี้มีประเพณีการไหว้พระธาตุ เช่น พระธาตุดอยสุเทพ ในเดือน 9 เพ็ญ เดือนนี้หากฟ้าฝนดีก็เริ่มทำนา - ทำพิธีแฮกนา - หว่านกล้า
- เดือน 10 เหนือ (เดือน 8 ใต้ ตรงกับเดือนกรกฎาคม) เดือน 10 เพ็ญ เข้าพรรษา - การทำนาเริ่มไถคราด หว่านกล้า - เริ่มเข้าฤดูฝน
- เดือน 11 เหนือ (เดือน 9 ใต้ ตรงกับเดือนสิงหาคม) ปลูกนา - ดำนา - ทานข้าว คนเฒ่าจำศีล
- เดือน 12 เหนือ (เดือน 10 ใต้ ตรงกับเดือนกันยายน) ฝนตกหนังน้ำมักท่วมในเดือนนี้ ประเพณีทางศาสนามีการทานข้าวสลากหรือก๋วยสลากในวันขึ้น 8-15 ค่ำ ถึงเดือน 12 แรม 15 ค่ำ - ในเดือน 12 เพ็ มีการทานอุทิศส่วนกุศลแด่คนตาย ถือว่ายมบาลปล่อยผีออกมารับของทานได้ ชีวิตประจำวันของชาวบ้านนอกจะเริ่มหว่านพันธุ์ผักเพื่อทำสวนต่อไป
- เดือนเกี๋ยงเหนือ โบราณว่าเดือนเจียง (เดือน 11 ใต้ ตรงกับเดือนตุลาคม) ทำบุญออกพรรษา การทานสลากภัต - ทานกฐิน จนถึงเดือนยี่เพ็ญ ชาวบ้านเริ่มทำสวนปลูกผัก
- เดือนยี่เหนือ (เดือน 12 ใต้ ตรงกับเดือนพฤศจิกายน) มีทานกฐินถึงวัน 15 ค่ำ ประเพณีลอยกระทงตามประทีป - ทอดผ้าป่า - ตั้งธรรมหลวงเทศน์มหาชาติ - เดือนนี้เป็นฤดูการทำสวนของชาวบ้าน
- เดือน 3 เหนือ (เดือนอ้ายใต้ ตรงกับเดือนธันวาคม) มีประเพณีเทศน์มหาชาติทานทอด (ทอดผ้าป่า) ชาวบ้านก็จะเริ่มเกี่ยวข้าวดอ เดือน 3 แรม เกี่ยวข้าวปี ในด้านชาวสวนก็จะเริ่มปลูกพืชล้มลุก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอกและอื่นๆ
- เดือน 4 เหนือ (เดือนยี่ใต้ ตรงกับเดือนมกราคม) ในเดือนนี้การเก็บเกี่ยวจะแล้วเสร็จ และเก็บเกี่ยวข้าวเข้ายุ้งฉาง เสร็จฤดูการทำนา เมื่อเก็บข้าวเสร็จแล้ว ก็มีการทำบุญเรียกว่า ทานข้าวจี่่ข้าวหลาม และประเพณีขึ้นเรือนใหม่แต่งงาน
- เดือน 5 เหนือ (เดือน 3 ใต้ ตรงกับเดือนกุมภาพันธ์) มาฆะบูชามีการทำบุญปอยหลวง (งานมหกรรมฉลองสมโภช) หากมีศพพระก็มักจะทำพิธีเผาในเดือนนี้ เรียกว่าลากปราสาทศพพระ หรือทางไทยใหญ่เรียกว่า "ปอยล้อ" อากาศเริ่มร้อน
- เดือน 6 เหนือ (เดือน 4 ใต้ ตรงกับเดือนมีนาคม) ในเดือนนี้มีการทำบุญปอยน้อย (บวชเณร - อุปสมบท) ขึ้นบ้านใหม่ - แต่งงาน
ประเพณีที่ไม่ใช่เกี่ยวกับศาสนา เช่น ประเพณีการเลี้ยงผี หรือการฟ้อนผีมด
ผีเม็งนั้น เริ่มตั้งแต่ 7-9 เหนือ ทำกันภายใน 3 เดือนนี้
ประเพณีการทำบุญและชีวิตประจำวันของชาวเหนือนั้น
เมื่อประมวลแล้วสรุปได้ดังกล่าวมาแล้วในข้างต้น จะเห็นได้ว่าชีวิตของชาวเหนือนั้น
ดำเนินไปอย่างมีระเบียบและมีประเพณีที่คลุกคลีกับพุทธศาสนาอย่างใกล้ชิด
ซึ่งเนื่องจากศรัทธาปสาทะของชาวภาคเหนือที่มีต่อพุทธศาสนานี้เอง
ที่ทำให้วิถีชีวิตของชาวไทยภาคเหนือ เป็นผู้รักสงบ สันโดษ และมีจิตใจสูง
มีดวงหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใส่เสมอ มีความสุขและความพอใจในชีวิต ไม่ละโมบ
อันเป็นหนทางนำชีวิตไปสู่สันติสุข
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับประมวล ประเพณีไทย
ของภาคเหนือทั้ง 12 เดือนว่ามีอะไรบ้างในแต่ละเดือนและเดือนต่างๆ
ของชาวเหนือเค้าเรียกกันอย่างไรกันบ้างสำหรับบทความต่อๆ
ไปผมจะมานำเสนอประเพณีภาคเหนือที่เจาะลึกมากยิ่งขึ้นว่า ประเพณีต่างๆ
นั้นเป็นอย่างไรมีกิจกรรมหรือพิธีการใดๆ บ้างที่
ประเภทของประเพณี
สำหรับบทความนี้ก็ยังเป็นความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเพณี
ซึ๋งเราควรทำความเข้าใจก่อนจะไปเจาะลึกเกี่ยวกับ ประเพณีไทย ต่างๆ
ซึ่งประเภทของประเพณีก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ด้วยกันดังนี้
- จารีตประเพณีหรือกฎศีลธรรม หมายถึง ประเพณีที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม ถ้าคนใดฝ่าฝืนงดเว้นไม่กระทำถือว่าเป็นความผิดและชั่ว จารีตประเพณีเกี่ยวข้องกับศีลธรรมของคนส่วนรวมในสังคม และที่เห็นได้ในสังคมไทย ได้แก่ การแสดงความกตัญญูกตเวทีที่ลูกควรมีต่อบิดา มารดาเมื่อท่านแก่เฒ่า เป็นหน้าที่ของลูกจะพึงเลี้ยงดู ถ้าลูกไม่ดูแลสังคมจะลงโทษว่าเป็นคนอกตัญญู ถือเป็นความชั่วไม่มีใครอยากคบด้วย ตัวอย่างข้างต้นเป็น จารีตประเพณีไทย เราไม่ควรนำจารีตดังกล่าวไปใช้ในการตัดสินคนในสังคมอื่นๆ
- ขนบประเพณีหรือสถาบัน คือ ประเพณีที่วางระเบียบแบบแผนไว้โดยตรง คือ วางเป็นระเบียบพิธีการไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะถูกนำมาใชักับสถาบันทางสังคม เป็นประเพณีประจำสถาบัน แต่ประเพณีดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมและยุคสมัย
- ธรรมเนียมประเพณีหรือประเพณีนิยม หมายถึง แนวทางปฏิบัติต่างๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวันที่ปฏิบัติกันมาจนเคยชินเป็นปกติวิสัย เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ธรรมดาสามัญที่ไม่มีความสำคัญมากมายต่อสวัสดิภาพหรือความจำเป็นของสังคม และเป็นเรื่องที่ทุกคนปฏิบัติอยู่ทั่วๆ ไปจนเป็นนิสัยหรือมาตรฐานทั่วไปในสังคมนั้น ธรรมเนียมประเพณีมีกำเนิดมาโดยไม่มีผู้ใดทราบหรือสนใจสืบประวัติที่แน่นอน อาจจะเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในสังคมหรือเกิดขึ้นใหม่แล้วแพร่หลายในสังคม เป็นพฤติกรรมปกติธรรมดาโดยทั่วไป ไม่ต้องเสียเวลาไปครุ่นคิดในเรื่องเล็กๆ น้อย เช่น การไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นประเพณีที่คนไม่ได้ความสนใจว่ามันเป็นมาอย่างไร แต่ทุกคนควรกระทำ ถ้าหากไม่กระทำจะถูกซุบซิบนินทาได้ เป็นต้น
บทความนี้ก็ได้กล่าวเกี่ยวกับประเภทของประเพณีพร้อมด้วยตัวอย่างไปพอสมควร
ผมก็คิดว่าหลายๆ
คนที่อ่านกันไปน่าจะได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของประเพณีไปบ้างไม่มากก็น้อยครับ
ติดตามอ่านบทความเกี่ยวกับ ประเพณีไทย ในบทความต่อๆ
ไปได้นะครับ
ประเพณี คือ อะไร ?
ในเบื้องต้นก่อนที่เราจะไปศึกษาเกี่ยวกับ
ประเพณีไทย
ควรทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า ประเพณี คือ อะไร
พจนานุกรมภาษาไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำนิยามหรือกำหนดความหมายของคำว่า ประเพณี
ไว้ว่า "ขนบธรรมเนียมแบบแผน" ขนบ คือ ระเบียบแบบอย่าง ธรรมเนียม คือ
ที่นิยมใช้กันมา แล้วยังมีคำว่า จารีต ซึ่งในพจนานุกรมฉบับข้างต้นได้ให้นิยามไว้ว่า
ความประพฤติธรรมเนียมประเพณี เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าคำว่า ประเพณี
ธรรมเนียมประเพณี ขนบธรรมเนียมประเพณี จารีตประเพณี อาจให้ความหมายได้ว่า
"ความประพฤติที่คนในส่วนรวมถือกันธรรมเนียมหรือเป็นระเบียบ แบบแผน
และสืบต่อกันมานาน จนลงรูปเป็นพิมพ์เดียวกัน"
ประเพณีเกิดจากความเชื่อ อาจเป็นความเชื่อในสิ่งที่ที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ เช่น
อำนาจของดินฟ้าอากาศหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
ประเพณีมักเริ่มที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งก่อน เมื่อได้ปฏิบัติจนเป็นนิสัย
เช่น ความเคยชินแล้ว และเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี
อาจชักชวนให้บุคคลอื่นหรือกลุ่มอื่นปฏิบัติตาม หรือกลุ่มอื่นเห็นดีเห็นงามด้วย
แล้วปฏิบัติตามสืบต่อกันมา นิสัยหรือการปฏิบัติที่สืบทอดกันมานานก็กลายเป็นประเพณี
เช่น
ชาวเอสกิโมปล่อยให้คนชราตายบนน้ำแข็งโดยมีความคิดว่าคนชราไม่สามารถเดินทางไปหาที่อยู่ใหม่ไกลๆ
เพื่อหาอาหารและเพื่อการมีชีวิตอยู่ได้
ซึ่งคนชราเอสกิโมจะรูหน้าที่นี้และยินดีตายด้วยความเต็มใจเพื่อลูกหลานจะได้ไม่ลำบากและเป็นภาระ
สำหรับบทความนี้ก็ได้พูดถึงความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเพณีไปพอสมควรนะครับ
บทความต่อๆ ไปผมจะมาพูดถึง ประเพณีไทย
ของเราว่ามีอะไรกันบ้างและแต่อย่างมีความเป็นมาและข้อปฏิบัติอย่างไร
สำหรับบทความนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ก่อนครับ